บทบาทของละคร
เป็นตอนตอนสร้างบทนำ
ประกอบกิเลศกรรม
ทำชั่วดีมิเข้าใจ
ถึงเวลาก็แสดง
ตามตำแหน่งอัชญาสัย
แสดงบทบาทไป
ตามวิสัยตัวละคร
ทำตามหน้าที่ตน
มิสับสนและบกพร่อง
ตัวละครก็สนองต้องตามเพทเหตุปัจจัย
เป็นแน่นอนบทบาทแต่ละตอน
ย่อมแน่นอนเหตุปัจจัย
แสดงในบทบาท
ไม่เคลื่อนคลายสมุทัย
กิเลศเหตุปัจจัย
ทั้งนอกในล้วนมากมี
ล้วนแล้วส่วนประกอบ
ตามระบบในโลกีย์
สมุทัยใหญ่เต็มที่
ปรากฏมีที่รากมูล
โลภโกรธหลงเป็นดงชัด
มวลหมู่สัตว์มิเสื่อมสูญ
แอบป่าปวงรากมูล
เพื่อเพิ่มพูนเจตนา
ความโลภมิสิ้นสุด
เป็นมนุษย์มีตัญหา
รากมูลเปรียบเหมือนป่า
ที่แอบแผงแห่งชีวี
อาศัยป่ารากมูล
สืบสกุลในโลกี
เชื้อสายบังเกิดมี
ที่พนาป่าดงชัด
โลภโกรธหลงเป็นดงป่า
ที่ภักษาแห่งหมู่สัตว์
ล้วนเห็นเป็นดงชัด
ป่ากำเนิดไฟโลกีย์
ราคะจะรุ่มร้อน
ที่แน่นอนเป็นอัคคี
ร้อนรุ่มกลุ้มชีวี
บทบางที่ฆ่าตัวตาย
หรืออาจทำความชั่ว
เพราะเมามัวกิเลศหมาย
กิเลศเป็นเจ้านาย
ใช้ชีวิตผิดทางธรรม
มิรู้จักชีวิต
ก็เหลือทีจะชี้นำ
ลักพาตัวทำเสียหาย
ข่มขืนแล้วฆ่าตาย
หมายนิมิตปิดความลับ
ราคะสมุทัยไฟมิดับ
เป็นเพลิงผลาศนอนไม่หลับ
สมุทัยไฟมิดับ
เป็นทุกข์ทับทรมาร
จงดับทุกข์ที่ต้นเหตุ
สมุทเฉทปหาร
ความทุกข์ทรมาร
สมุทฐานดับหายไป
ชีวิตก็เป็นสุข
เพราะดับททุกข์สมุทัย
นิโรธตั้งเป็นใหญ่
ใจสว่างเห็นทางธรรม
เจริญดวงปัญญา
พิจารณาให้ลึกล้ำ
ปัญญาเห็นกงกรรม
จำแนกชัดสัตว์โลกีย์
เป็นไปด้วยผลกรรม
ที่กระทำในชีวี
จะชั่วหรือจะดี
อยู่ผลตนกระทำ
ความทุกข์จะพ้นได้
จงทำลายที่คงกรรม
ปัญจมารสังขารธรรม
เป็นกำเนิดที่เกิดทุกข์
ทำลายเบ็ญจขันธ์
หมดสิ้นพลันก็เป็นสุข
ดับสิ้นซึ่งกองทุกข์
ก็เป็นสุขนิรันเทอญฯ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น