จรูญธรรม


หน้าแรก | วัตถุประสงค์ | ประวัติพ่อจรูญ | จรูญธรรม | เพลงธรรมะ | ลูกจริยา

วันอังคารที่ 30 มีนาคม พ.ศ. 2553

เพลงคติภพ

คติภพมีอยู่สองทาง ผลกรรมที่สร้างในทางชั่วดี ความชั่วไปทุกข์คติ
ผู้ใดไปซิทุกข์ในชีวี สุคติต้องทำความดี หนทางนี้มีสุขสบาย
คติทั้งสองประการ มันเป็นผลงานเมื่อยามวางวาย ชีวิตแตกตายก็มีความหมาย
อยู่สองทาง เอ้อโอละหน่อยหน่อย โอ้ละหน่ายหน่อยอยเอย
ก็จักได้เสวยตามเคย กองกรรมทำดีได้ดี สุขทำชีวีได้ทุกข์เป็นคติธรรมฯ
ทางชั่วและดี ตามคติชี้เมื่อวายวาง สุขกับทุกข์สองทาง
แล้วแต่จะสร้างทางคติใดมีฯ
รูปพระพุทธปฏิมากรณ์ พระพุทธปฏิมา เป็นนิมิตหมายแทนองค์พระศาสดา
สถาปนาสถาปัตตยกรรม นิมิตเป็นการอุทิศสร้างธรรม จากปฏิมากรรม
ชั้นนำแต่เดิมมี ตั้งเป็นฐานบัวบานรับ อาสนัประทับสำหรับองค์พระพุทธชินศรี

วันพุธที่ 24 มีนาคม พ.ศ. 2553

มกรา ด้วงทองแก้ว

มกราบอกชี้ นามกร ท่านเฮย
ด้วงทองแก้วสกุลขจร ชื่ออ้าง
สถิตห้องครูสอน เบ็ญจห้องเรียนนา
จึ่งเรียนทราบไว้บ้าง บทนี้ตอบเฉลยฯ

มกราคำนี้ นามชื่อ ตนเอย
ด้วงทองแก้วสกุลเฉลย ชื่ออ้าง
เรียนอยู่ ป.5 เอย กล่าวบอก
จิตใจบ่ออ้างว้าง บ่เว้นเรียนเสมอฯ


เกิด แก่ เจ็บ ตาย


เกิด แก่ เจ็บ ตาย

เกิด ก่อกำหนดได้ ด้วยกรรม ท่านเฮย
แก่ กาลชรานำ กอบด้วย
เจ็บ จิตใจจดจำ จริงนา
ตาย ชีวิตมอดม้วย มะลายสิ้นเบ็ญจขันธ์

เพลง ธัมมจักร์



อริยสัจจ์ 4 ประการ ที่พระองค์ทรงประทาน แก่ท่านปัญจวรรคคีย์ ทุกข์ สมุทัย นิโรธ
และมรรค เป็นธัมมจักร์ที่ในโลกนี้ โปรดพระปัญจวรรคคีย์ ที่ป่าอิสิปตนมฤคคทายวัน
แสดงปฐมเทศนา ว่า ด้วยทุกข์ ที่พระองค์ทรงปลุก ให้รู้จักทุกข์ ที่ผูกพัน ทุกข์นี้เป็นผล
ทุกคนคงรู้จักกัน แล้วจงสืบหาเหตุทุกข์นั้น ที่กิดของมัน คือ สมุทัย จะดับทุกข์ ต้องดับที่เหตุ
ทุกข์ทุกประเภท ดับเหตุตัวสมุทัย ดับสิ้นแล้ว ก็จะผ่องแผ้วที่จิตใจ เป็นนิโรธใช่ไหม
พ้นจากทุกข์ภัยในโลกา
ก่อนจะถึงนิโรธ ก็จงได้โปรดใช้มรรคา เป็นสัมมา ๆ ปฏิปาทา 8 ประการ 1. สัมมาทิฏฐิ
ความเห็นชอบ เป็นองค์ประกอบสมุทฐาน จนถึงขั้นปริโยสาร ด้วยการตั้งจิตมั่งคง เป็นอัปปนาสมาธิ
จิตเราซิก็ตั้งตรง อย่าได้งวยงง จิตตั้งตรงก็สบาย
นี่คือ ธัมมจักร์ เป็นหลักสัมพัน เป็นกงกรรมเหมือนกับกังหัน หมุนเวียนเปลี่ยนผันอยู่มิเว้นวาย
หมุนเวียนเปลี่ยนแปลงไปทุกตำแหน่งทั้งหญิงและชาย ตั้งแต่เกิดจนตาย เพราะเรายึดไว้ด้วยอุปาทาน
ยึดขันธ์ห้า ว่าเป็นตัวเป็นตน จึงต้องว่ายเวียนวน อยู่ในวัตตสงสาร จนจมสมุทัย ก็ยังไม่เห็นบัวบาน
ต้องทนทุกข์ทรมาร จนจวบกาลชีวิตมลาย ฯ

เพลง ตัญหา 3



รู้ไหม กามะ คือ ตัวตัญหา ความใคร่หยากได้นา ๆ เกิดไฟราคะ เข้ามาย้อมใจ รูปรสกลิ่นเสียง
ความใคร่เพียงสัมผัสกายใจ เกิดเป็นสนิมภายใน ยั่วย้อมใจให้เป็นมลทิน ใจสกปรก หัวอกฟูมฟกกามา
ภวตัญหา หยากมาเป็นเจ้าของถิ่น รูป รส กลิ่น เสียง หยากเพียง หวังได้อยู่กิน เป็นภพ ความหยากทั้งสิ้น
หวังถวิลอยู่ในโลกา หยากได้หยากดู หยากรู้ หยากฟัง หยากเป็นคนดัง สูงเด่น หยากเป็นนางฟ้า
หยากร่ำรวย หยากสวยเหมือนกับดารา วิภวตัญหา หยากมาไม่เป็นดังเคย หยากไม่ดัง ไม่ฟัง ไม่ได้ยิน
ไม่หยากร่วมกิน ไม่หยากเห็นหน้าคุณเลย หยากไปให้พ้น ไม่หยากเห็นคุณเหมือนเคย
ตัญหา ทั้ง สาม นี้เอ่ย จะชดเชยผลกรรมทำมาต้องดิ้นรน เวียนวนอยู่ในโลกีย์ ต้องใช้ชีวี
ทั้งนี้เป็นทาส ตัญหา เพราะความใคร่ หยากได้ต่าง ๆ นา ๆ
ขออุปปมา ตัญหาชักพาจูงใจ ไม่มีตัญหา ก็จะสบาย ทั้งหญิง และชาย ไม่ต้องทุกข์ร้อนอะไร
ที่เราดิ้นรน เพราะคนตัญหาพาไป อย่าได้ปล่อยใจ ให้ไปตามตัญหา เลย ฯ

คำพ่อ คำแม่


โอ โอ้ อุณเรือน นะลูกเอย เพื่อนยาก เมื่อเจ้าจะจากพระมารดา ไปอยู่กับผัว จงสวนตัว
นะลูกหนา มันไม่เหมือนอยู่กับมารดา เจ้าจงอุส่าห์สงวนตัว
เกิดเป็นมนุษย์ มันยากที่สุด ก็เพียงเมียผัว จะมังจะมี จะดีจะชั่ว ก็เพราะผัว นี่แหละสำคัญ
บางคนมีผัว ที่ชั่วที่ช้า ต้องตีต้องด่า กันทุกวี่วัน ต้องอย่างต้องร้าง กันกลางคัน เจ้าอย่าเอาเช่นนั้นมันมิดี
เจ้าจงอุส่าปฏิบัติ พระภัศดา อย่าให้ต้องด่า นะลูกเอยต้องตี เขาว่าสิ่งใดที่ไม่ดี แล้วแม่เนื้อถี่เจ้าอย่าขืนทำ บางคนมีผัวเมามัวสุรา สนุกเฮฮาทุกคืนทุกค่ำ เล่นไพ่ถั่วโป ไฮโลประจำ ลางคืนนั่งคลำ แต่กุ้งปลา บางรายพร้อมใจ ไปทั้งครอบครัว พร้อมลูกเมียผัว สนุกนักหนา ลูกแทงน้ำเต้า พ่อเจ้านั่งดู ยักไปแทงไก่ปู เปิดดูโห่ฮา
เจ้ามือรวบหมด เลยอดสุรา ฝ่ายข้างมารดา ยักแทงดูที แทงไปแทงมา ลูกค้าย่ำแย่ เฝ้าแต่แลๆ ทำอย่างไรดี
หมดทุนหมดรอน กลับบ้านนอนเถอะพี่ ลูกน้อยเต็มทีอดหลับอดนอน บางคนเล่นไผ่หยากได้แรงนัก ลูกน้อย
ขวางตักหนุนขาต่างหมอน จะหนาวจะเย็นแม่เล่นไผ่ก่อน โอ้แม่ลูกอ่อน อาวรณ์จังเลย นี่แหละอุณเรือน
อย่าเหมือนอย่างนี้ จงสร้างความดี นะลูกสาวเอ้ย เวลาเจ้านอน อย่านอนก่อนผัว เราเป็นครอบครัว เจ้าอย่าทำเฉย
จงกราบสามีสามทีลูกเอย ลูกอย่างเฉยเมย มันไม่เป็นการ เป็นกิจประจำ ตามคำแม่ว่า เชิดหน้าชูตาทั่วทุกถิ่นถาน
เป็นแม่ศรีเรือน ใครจะเหมือนนงคราน ลูกสาวท่านก็จงจำใส่ใจ
วันโกณ วันพระ เจ้าจงละกิเลศ อย่าได้ร่วมเพศพิศมัย เป็นสูรย์ เป็นจันทร์ นั้นจำใส่ใจ จงรักษาไว้ ซึ่งพรหมจรรยา วันตรุสสงกราณ โบราณก็ห้าม เรื่องเมถุนธรรม นะลูกสาวหนา อีกทั้งวันเกิด กำเนิดลูกมา
จำคำมารดา นั่งว่าให้ฟัง ถ้าใครทำได้ เป็นคนประเสริฐ เป็นหญิงล้ำเลิศ เกิดจากสวรรค์ เป็นสุงเป็นศรี
สวัสดีนิรันดร์ เหล่าเทพเทวัน ลงมาบูชา
ดูยากที่สุด มนุษย์สมัย ถ้าหากพอใจ แล้วทำทุกท่า ปล่อยตามกิเลศ เป็นเหตุจูงพา จงะหมดราคา
มีแต่ราคี
บางคนนอกใจ ซ่อนมือใต้ผ้า เหมือนนางโมห์รา ก็สิ้นราศรี ส่งด้ามให้โจร ผัวตนไม่อยากใยดี
จับคมราวี จึงสิ้นชีวา หญิงกาลีเจ้ามารยา จนผัวตกยาก ลำบากถึงชะตาขาด ฟังแล้วอนาถ ไหมละคุณขา
ผู้หญิงใจสอง อย่าครองวิวาห์ ได้ลูกเกิดมาจะเป็นอการะณีย์ ไม่มีความสุข ในยุคสมัยเพราะความพอใจ
จึงเป็นอย่างนี้ เกิดความยุ่งยาก ลำบากเต็มที ทิ้งประเพณีที่ดี มาแต่โบราณ หลงบัณฑิต คิดเอาประโยชน์
ไม่เล็งเห็นโทษ ประโยชน์ที่เป็นแก่นสาร บ้านเมืองยุ่งยาก ลำบากอยู่นาน เป็นรัฐบาล ไม่นาน ต้องยุบสภาฯ

บทบาทของละคร

บทบาทของละคร
เป็นตอนตอนสร้างบทนำ
ประกอบกิเลศกรรม
ทำชั่วดีมิเข้าใจ
ถึงเวลาก็แสดง
ตามตำแหน่งอัชญาสัย
แสดงบทบาทไป
ตามวิสัยตัวละคร
ทำตามหน้าที่ตน
มิสับสนและบกพร่อง
ตัวละครก็สนองต้องตามเพทเหตุปัจจัย
เป็นแน่นอนบทบาทแต่ละตอน
ย่อมแน่นอนเหตุปัจจัย
แสดงในบทบาท
ไม่เคลื่อนคลายสมุทัย
กิเลศเหตุปัจจัย
ทั้งนอกในล้วนมากมี
ล้วนแล้วส่วนประกอบ
ตามระบบในโลกีย์
สมุทัยใหญ่เต็มที่
ปรากฏมีที่รากมูล
โลภโกรธหลงเป็นดงชัด
มวลหมู่สัตว์มิเสื่อมสูญ
แอบป่าปวงรากมูล
เพื่อเพิ่มพูนเจตนา
ความโลภมิสิ้นสุด
เป็นมนุษย์มีตัญหา
รากมูลเปรียบเหมือนป่า
ที่แอบแผงแห่งชีวี
อาศัยป่ารากมูล
สืบสกุลในโลกี
เชื้อสายบังเกิดมี
ที่พนาป่าดงชัด
โลภโกรธหลงเป็นดงป่า
ที่ภักษาแห่งหมู่สัตว์
ล้วนเห็นเป็นดงชัด
ป่ากำเนิดไฟโลกีย์
ราคะจะรุ่มร้อน
ที่แน่นอนเป็นอัคคี
ร้อนรุ่มกลุ้มชีวี
บทบางที่ฆ่าตัวตาย
หรืออาจทำความชั่ว
เพราะเมามัวกิเลศหมาย
กิเลศเป็นเจ้านาย
ใช้ชีวิตผิดทางธรรม
มิรู้จักชีวิต
ก็เหลือทีจะชี้นำ


ลักพาตัวทำเสียหาย
ข่มขืนแล้วฆ่าตาย
หมายนิมิตปิดความลับ
ราคะสมุทัยไฟมิดับ
เป็นเพลิงผลาศนอนไม่หลับ
สมุทัยไฟมิดับ
เป็นทุกข์ทับทรมาร
จงดับทุกข์ที่ต้นเหตุ
สมุทเฉทปหาร
ความทุกข์ทรมาร
สมุทฐานดับหายไป
ชีวิตก็เป็นสุข
เพราะดับททุกข์สมุทัย
นิโรธตั้งเป็นใหญ่
ใจสว่างเห็นทางธรรม
เจริญดวงปัญญา
พิจารณาให้ลึกล้ำ
ปัญญาเห็นกงกรรม
จำแนกชัดสัตว์โลกีย์
เป็นไปด้วยผลกรรม
ที่กระทำในชีวี
จะชั่วหรือจะดี
อยู่ผลตนกระทำ
ความทุกข์จะพ้นได้
จงทำลายที่คงกรรม
ปัญจมารสังขารธรรม
เป็นกำเนิดที่เกิดทุกข์
ทำลายเบ็ญจขันธ์
หมดสิ้นพลันก็เป็นสุข
ดับสิ้นซึ่งกองทุกข์
ก็เป็นสุขนิรันเทอญฯ

วันจันทร์ที่ 22 มีนาคม พ.ศ. 2553

กลอน พ่อป่วย



อนิจจาคนไข้แม้นร้ายญาติ น่าอนาถนอนเดี่ยวเปลี่ยวหนักหนา
แม้นมีใครใดเยือนสองเดือนกว่า มองซ้ายขวาข้างเคียงเตียงถัดไป
มีคนมาเยี่ยมเยือนอยู่เพื่อนไข้ หญิงและชายทักหาอยู่ปราศรัย
ส่วนข้านี้นั่งนอนจนอ่อนใจ ยามเพื่อนไปมีแต่ลูกความผูกพันฑ์
ลูกอยู่เฝ้าเช้าเย็นได้เห็นหน้า ได้พึ่งพาใช้สร้อยคอยช่วยฉัน
เมื่อยามไข้ได้เห็นลูกความผูกพันฑ์ ทุกคืนวันไม่ร้างไปห่างไกล
เมื่อยามนอนพ่อนอนบนเตียงไข้ ลูกนอนใต้ข้างเตียงเพียงอาศัย
อยู่กับพื้นเยือกเย็นหน้าเห็นใจ โอ้ผู้ใดจะเมตตาลูกข้าเลย
ยามเมื่อทุกข์ลูกก็ทุกข์อยู่ด้วยพ่อ ไม่ย่อท้อน้ำใจคระไรเลย
ยามเมื่อสุขก็สุขกันตามเคย ไม่บ่นเลยน้ำคำนี่น้ำใจ
อันญาติมาเยือนเพื่อนเยี่ยมไข้ ก็ความหมายญษติมิตรพิศมัย
ยามคิดถึงรักห่วงโอ้ดวงใจ ฝากอาลัยยามป่วยด้วยเมตตา
บ้างหยิบยื่นเงินทองของมาฝาก ทั้งลมปากคิดถึงคนึงหา
ด้วยนับถือหรือรักรู้จักมา เขาเมตตารักใคร่ได้เยี่ยมเยือน