จรูญธรรม


หน้าแรก | วัตถุประสงค์ | ประวัติพ่อจรูญ | จรูญธรรม | เพลงธรรมะ | ลูกจริยา

วันอังคารที่ 15 มิถุนายน พ.ศ. 2553

วันอังคารที่ 8 มิถุนายน พ.ศ. 2553

วันพุธที่ 2 มิถุนายน พ.ศ. 2553

เพลง มีทางไม่มีคนเดิน2

พระท่านสร้างทางเดิน แสนจะเพลิดเพลิน ไม่มีคนสนใจ ทางเดินสุขสบายไม่มีอันตราย
ไปขี่มอเตอร์ไซ
รถยนต์ชนกันบ่อยครั้ง ข้างหน้าข้างหลังนั่นเพราะอะไร ทางเดินคนไม่เดินเพราะความเจริญ ไปขี่มอเตอร์ไซ
เดี๋ยวนี้พระธรรมเป็นใบ้ เดี๋ยวนี้พระธรรมเป็นใบ้ พูดไม่ได้ เพราะไม่เข้าใจ
มรรคนั้นมี 8 อย่าง ใช้เป็นหนทางเดินภายใน บางคนก็เดินมรรค 8 พอเดินออกแดด
ไม่รู้ไปไหน ไปออกประเทศอาหรับ แต่พอเดินกลับ ก็ขี่มอเตอร์ไซ
(จริงน๊ะพ่อจริง หมู่ชายหญิงจงจำใส่ใจ เห็นแล้วทุกข์สัจจ์)
ผ้าเหลืองก็ครองมิได้จำเป็นจะใช้สีเขียวชุดใหม่

เพลง ขันธ์ทำงานหนัก

เธอจ๋าทุกข์ร้อนอย่างใด ทุกกายทุกใจ อย่างไรกันแน่
ขันธ์ห้ามันทำงานหนัก มิได้หยุดพัก ตั้งแต่เกิดจนแก่
นอนหลับก็ยังไม่นิ่ง ทั้งชายและหญิง เดียวพลิกเดี๋ยวแปร
แสดงถึงเวทนา นอนพลิกไปมาแน่แท้ ๆ ใช่แล้วพิสูตสำคัญ
เพราะเวทนาขันธ์ที่มันพลิกแปร นี่แหละขันธ์ห้าทำงาน
มันน่ารำคาญ งานหนักแท้ ๆ ทำไปมิได้หยุดหย่อนจะนั่งจะนอน
มิยอมอ่อนแอ ขันธ์ห้ามีภาระหนักมิได้หยุดพักมันหนักแท้ ๆ
เธอจ๋าทุกข์ร้อนอย่างใด ทุกข์กายทุกข์ใจ อย่างไรกันแน่
เกิดทุกข์ เพราะสมุทัย ถ้าไม่เชื่อใจ ถอดวิญญาณแล วิญญาณออกจากกาย
สบายสุขเต็มแปล ถอดวิญญาณถอดความรู้สึกจงคิดนึกด้วยปัญญาแท้
ให้รู้ในเบ็ญจขันธ์ รู้เท่าเล่าทันถอดวิญญาณแลฯ

เพลง สุขนิรันดร

รู้แล้วโลภะคือตัวตัญหา โมหะเสมือนปิดตา เป็นอวิชชา ไม่รู้ชั่วดี อีกทั้งความโกรธ
ชั่วโฉดที่ในโลกีย์ พยาบาทก็อาจมี เวรมณีเสียเถิดนะคุณ
ชาติหน้าถ้ามีเรานี้มิต้องวิตก กรรมเป็นชนก ชูยก มิต้องเดือดร้อน
เพราะสร้างกุศล ต้นทุนสุขนิรันดร ไม่ต้องอาวรณ์ แน่นอนในกุศลา
กุศลา ธัมมา กุศลให้ผลเป็นสุข ไม่มีความทุกข์ เพราะเบื้องกิเลศ ตัญหา
ให้หมดสิ้นไป จากในอารมณังวา ตั้งมั่นในอุเบกขา เป็นอับปนา ตั้งจิตมั่นคง
เอก์คคตาจิต ชีวิตไม่คิดหวั่นไหว ปล่อยวางทุกสิ่งหมดไป อย่ายึดไว้จะกลายเป็นหลง
มุ่งมัชฌิมา ก้าวหน้าตามพระพุทธองค์ สติปัฎฐานคง ก็จะไม่หลง หมายตรง
สูพระนิพพานฯ
โมหะครอบงำ จะนำให้เดินหลงทาง จะคิดจะทำทุกอย่างถ้าอาจพลาดทาง
แล้วใครเกื้อหนุน จงสร้างความดี พี่น้องหมายปองส่วนบุญ สร้างกุศลไว้เป็นต้นทุน
จะกอบการรุณ ชั่วนิรันดร

เพลง ตาย

ความตายมาถึงแล้ว คงไม่แคล้วเห็นจะต้องตายแน่ ตายนิดตายหน่อย
ใครไม่ค่อยเหลียวแล แต่พอตายแท้ ๆ ก็ร้องแฮร้อยโฮ
ตายมาแต่กำเนิด แต่แรกเกิดจนกระทั่งใหญ่โต ไม่ค่อยจะรู้สึก
มิได้นึกพุทโธ ลุกขึ้นยืนเดโด่ ประเดี๋ยวโอ้ก็ตาย
ฟันหลุดผมหงอก เป็นการบอกให้รู้ ใครไม่คิดไม่ดูก็ไม่รู้ความหมาย
ตายทีละสิ่งสองสิ่ง ทั้งผู้หญิงผู้ชาย เพราะสังขารร่างกาย
มันมีอยู่หลายกอง แต่ละกองทำหน้าที่ของมัน ไม่ก้าวก่ายซึ่งกัน
มีสัมพันธ์เกี่ยวข้อง
กองไหนเสื่อมก็ตาย เสื่อมกันหลาย ๆ กอง ก็หมดสิทธิ์แล้วน้อง
เห็นจะต้องตายเลย
ตายแล้วโอ้ย ตายแล้ววา ลูกเด็กเล็กแดง มิใช่แช่งใช่ด่า
เฒ่าแก่ชรา เกิดมาก็ย่อมตาย ๆ

เพลง มีทางไม่มีคนเดิน

พระองค์ท่านสร้างทางเดิน เพราะความเจริญไปขี่มอเตอร์ไซ
ทางเดินแสนสบายไม่มีอันตราย ไม่มีคนสนใจทางเดินนั้นมีแปดอย่าง
มรรคหนทางเจริญภายใน อบรมฝึกกายใจให้พ้นภัยปัญจมารฯ
กายดับสนิทไม่มีพิษพ้นไพพาล บรรลุถึงองค์ฌานโพธิญาณก็ไม่ห่างไกล
ดับวิตกวิจารณ์ก็สำราญสุขภายใน เอก์คตาจิตร์ย่อมมีฤทธิ์อันเกรียงไกร
อย่าแวะหนุทางใดประดองใจสู่โพธิญาณ ตั้งมั่นอุเบกขาก็ไม่ช้าบรรลุกาล
วิมุติสุดสถานพ้นไพพาลพ่วงโลกี หักแล้วซึ่งกงกรรมด้วยพระธรรมเพียงเท่านี้
ดับสิ้นซึ่งโลกีเพื่อหลีกหนีเกิดแก่เจ็บตายฯ

เพลง เจ็บ

เจ็บมี 2 ประเภท แล้วแต่เหตุจะเจ็บกันอย่างไร บางคนเจ็บจิตเจ็บใจ
แล้วแต่สมุทัยจะให้เกิดมา เจ็บจิตเพราะผิดคำพูด เป็นการทุกกันด้วยวาจา
ปลอกปลิ้นหรือนินทา ใช้วาจาที่ไม่ถูกใจ บางคนเจ็บร่างกาย
ถูกอันตรายมาจากสิ่งใด บางทีก็เจ็บไข้ ทั้งหญิงชายล้วนแต่เป็นภัย
ความเจ็บอีกหนึ่งประเภท เกิดจากเหตุเจ็บภายใน เจ็บถ่ายท่าหนักเบา
ใคร ๆ เราก็คงเข้าใจ เรียกว่าเจ็บประจำสังขาร ไว้ไม่ได้นานต้องให้มันออกไป